* โยคะ * ดีต่อจิตใจ และสุขภาพ

* โยคะ * ดีต่อจิตใจ และสุขภาพ

สวัสดีครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านบทความที่แบ่งปันให้แก่ทุกท่าน

กระแสการตื่นตัวในเรื่องโยคะที่โหมในห้วงเวลา ๒ – ๓ ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้คนหันมารักตนเอง ห่วงใยสุขภาพ และสนใจในเรื่องธรรมชาติบำบัดมากขึ้น ซึ่งโยคะก็เป็นศาสตร์ที่ใช้ธรรมชาติบำบัดโดยตรง เพราะโยคะ คือ การมองปัญหาที่เกิดกับสุขภาพของมนุษย์อย่างองค์รวมไม่แยกเป็นส่วน ๆ เหมือนกับการแพทย์แผนปัจจุบัน โยคะจึงไม่ใช่แค่ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานป้องกันโรคภัยใข้เจ็บ แต่โยคะยังดูแลถึงจิตใจ

ประโยชน์ของโยคะมีมากมายหลายด้าน เช่น

ทางร่างกาย   โดยทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและผ่อนคลาย ยึดหยุ่น ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวสง่างาม ระบบต่าง ๆ ในร่างกายเกิดความสมดุล

ทางด้านจิตใจ   เมื่อฝึกโยคะจะทำให้จิตใจเคลื่อนไหวน้อยลง การพัฒนาจิตก็จะดีขึ้น ทำให้รู้จักตัวเอง จิตสงบและเยือกเย็น เกิดความแจ่มใสไม่ฟุ้งฤซ่าน ผ่อนคลายความตึงเครียดอันเกิดจากชีวิตประจำวัน

ทางพลังงาน  ก็มีไม่แพ้กัน เพราะอาสนะยึดหลักการสงวนพลังงาน ไม่ใช่การโหมออกแรงแบบการออกกำลังกาย และไม่ได้ใช้แรงจากกล้ามเนื้อแขน ขา มาก จึงไม่เกิดกรดแลคติค ที่ส่งผลให้เกิดความเมื่อยหล้าหลังฝึก และทำให้พลังงานที่หยุดนิ่งในร่างกายของเราได้เคลื่อนไหว ไหลเวียนไปสู่ทุกส่วนของร่างกายได้สดวกยิ่งขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญโยคะ แนะสำหรับมือใหม่หัดเล่นโยคะว่า หลักของโยคะข้อหนึ่งก็คือ ปราณายาม ซึ่งหมายถึงการพัฒนาร่างกายเพื่อเอาประโยชน์จากอากาศให้ดีที่สุด แต่ในการฝึกใหม่ ๆ ให้คำนึงถึงท่าที่ถูกต้องเสียก่อน อย่ากังวลกับการหายใจ

เรื่องการหายใจ ให้ฝึกการหายใจโดยใช้หน้าท้องและทรวงอก หายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบ ห้ามกลั้นหายใจระหว่างการฝึก และต้องหายใจทางจมูก ไม่ควรหายใจทางปาก ฝึกหายใจเข้าออกยาว ๆ ลึก ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนให้ได้มากที่สุด

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการหายใจ และเพื่อเป็นการผ่อนจิตใจและร่างกาย ผู้ฝึกควรเรียนรู้เทคนิคการหายใจด้วยหน้าท้อง Breath Awarness Technique ง่าย ๆ ดังนี้

โยคะ ดีต่อจิตใจและสุขภาพ

๑. เฝ้าสังเกตุ มีสติกำหนด รู้กับลมหายใจ จากนั้นเพิ่มการมีสติกำหนดรู้กับการเคลื่อนไหวของหน้าท้อง สังเกตุลมหายใจของเราที่ผ่อนช้าลง สงบลง ลมหายใจจากหยาบมาเป็นลมหายใจละเอียด

๒. ฝึกการหายใจสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของหน้าท้อง สูดลมหายใจเข้า ให้หน้าท้องพองขึ้น ผ่อนลมหายใจออก ให้หน้าท้องแฟบลง มีสติกำหนดรู้อยู่กับลมหายใจ ที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนขึ้นลงของหน้าท้อง พยายามดึงช่วงเวลาของลมหายใจออก ให้นานกว่าช่วงเวลาลมหายใจเข้า

๓. มีสติกำหนดรู้กับความสงบ มีสติกำหนดรู้ขณะที่ผ่อนลมหายใจออกจนสุดเฝ้าสังเกตุห้วงขณะที่เราหยุดหายใจ ซึ่งเป็นช่วงที่เราหายใจออกหมดแล้ว แต่การหายใจเข้ายังไม่เกิดขึ้น โดยไม่ได้ตั้งใจกลั้นลมหายใจ กำหนดรู้อยู่กับห้วงขณะที่ร่างกายไม่หายใจที่ว่านี้ อันเป็นห้วงขณะที่กายนิ่ง ลมหายใจหยุด และจิตสงบ คอยมีสติระลึกถึงห้วงเวลาที่จิตสงบ ตลอดทั้งวัน

คัดลอกจากบทความ นสพ.โพสต์ทูเดย์ ไกด์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๔

คัดลอกโดย : ณัฐนันท์ วัง
๑๙/๑๑/๒๕๕๔ ๑๖.๐๐ น.

http://bit.ly/Bkk06-Club
http://bit.ly/BetterLifeBlog
http://bit.ly/NuttanunPage
https://nutw.wordpress.com
http://facebook.com/lagone8888
http://twitter.com/NuttanunWung

รู้จักใจ คือกำไรชีวิต ตอนที่ ๓

พระอัฏฐารส

พระอัฏฐารส พิษณุโลก

สวัสดีครับ  ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านบทความที่ผมนำเสนอ
* สุข สงบ ร่มเย็น เพราะดูใจเป็น เห็นทุกข์ดับได้

รู้จักใจ ฯ ตอนที่ ๓

                                                         * ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว *

              เราทุกคนมีชีวิตที่ประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญสองส่วน คือ กายกับใจหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป อีกสิ่งก็อยู่ไม่ได้ เราจึงต้องให้ความสำคัญกับทั้งสองส่วนเท่า ๆ กัน

                แต่ว่าโดยทั่วไปแล้ว เรามักจะไม่ค่อยเห็นความสำคัญของใจกันสักเท่าไร
มัวแต่ให้ความสำคัญกับร่างกายกันเป็นส่วนมาก ในชีวิตประจำวันเราได้ทุ่มเทให้กับการดูแลบำรุงร่างกาย แต่ปล่อยปละละเลยการดูแลรักษาใจ ทั้ง ๆ ที่ใจนั่นเกี่ยวข้องโดยตรงกับความสุขและความทุกข์ในชีวิตเรา

             ลองคิดดูให้ดีว่า สุข และ ทุกข์ นั้่นเกิดขึ้นที่ใหน หากไม่ใช่ที่ใจของเรา

       นี่คือที่มาของคำกล่าวที่ว่า * ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว * เพราะในทุกสถานการณ์ของชีวิตไม่ว่าเราจะเป็นอะไรหรือทำอะไร  ใจของเรานั้นเป็นใหญ่  ใจมาก่อนกายเสมอ ใจต้องคิดก่อน

             เพราะเหตุนี้เราจึงต้องมาให้ความสำคัญกับการเรียนรู้เรื่องของใจ เพื่อจะได้สามาถดูแลรักษาใจของเราให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ที่มา : หนังสือ * รู้จักใจ คือกำไรชีวิต * สำนักพิมพ์ อมรินทร์
พระอาจารย์มานพ อุปสโม ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษาราชนครินทร์
(เขาดินหนองแสง) อ.แก่งหางแมว จันทบุรี

คัดลอกโดย : ณัฐนันท์ วังวีระนุสรณ์
๒๘/๐๕/๒๕๕๔

http://bit.ly/Bcs06
http://bit.ly/NuttanunPage

รักลูกให้ถูกทาง..

 

พระพุทธรูปเมืองปาย *พาราระเข่ง*

หลวงพ่อเมืองปาย

คุณรักลูกแบบใหน?


ถ้าเราเป็นพ่อแม่ประเภทที่ปกป้องลูกแบบนี้ จงถามตัวเราว่า

*เรากำลังให้ความรักกับลูก หรือ กำลังทำลายเขากันแน่ ?*

เราให้ลูกๆ มีบ้านใหญ่ๆ อยู่ กินอาหารดีๆ เรียนเปียโน ดูทีวีจอใหญ่
แต่เวลาที่เราตัดหญ้า ลองให้ลูกได้ทำด้วย

หลังอาาร ให้เขาล้าง ถ้วยชามของตัวเองพร้อมๆ กับพี่ๆ น้องๆ

ไม่ใช่ว่าเราไม่มีปัญญาจ้างคนรับใช้

แต่เพราะเราอยากจะให้ความรักกับพวกเขาอย่างถูกวิธี

เราอยากให้เขาเข้าใจว่า ไม่ว่าพ่อแม่จะจนหรือจะรวย

วันหนึ่งก็จะต้องผมขาวแก่เฒ่าลงไป เหมือนกับ พ่อ – แม่ของเด็ก ๆ

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ลูกของเราจะได้เรียนรู้

คือ

รู้คุณค่าของความพยายาม

ได้รู้จักว่า ความยากลำบากมันเป็นยังไง

และ

ได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นให้เป็น

 

ณํฐนันท์  วัง

http://bit.ly/Bcs06

http://nuttanunwung.blogspot.com

http://twitter.com/NuttanunWung

http://facebook.com/lagone8888